1. ดอยช้าง จังหวัดเชียงราย
2. จุดชมวิวบ้านชายเขา จังหวัดอุทัยธานี
3. กิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่
กิ่วแม่ปาน ที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 42 ถนนสายจอมทอง-อินทนนท์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009) เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเสมอ เพราะการที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทะเลหมอกสุดอลังการนั้น จะต้องเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ซึ่งเส้นทางก็จะมีทั้งป่าไม้สีเขียวขจี และทางเดินเลียบริมชายเขา ไปจนถึงหน้าผาชมวิว อันเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้แบบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งอากาศยังหนาวเย็น รับรองได้เลยว่าถ้าได้ไปเที่ยวกิ่วแม่ปานช่วงปีใหม่จะต้องฟินกับธรรมชาติที่นี่อย่างแน่นอน
นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าเที่ยวชมเส้นทางศึกษากิ่วแม่ปาน สามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-16.00 น. โดยมีค่าธรรมเนียมสำหรับเจ้าหน้าที่ 200 บาท ต่อ 1 กรุ๊ป (ไม่เกิน 10 ท่าน)
4. เกาะพยาม จังหวัดระนอง
5. หาดป่าตอง ภูเก็ต
ภาพจาก Aleksandar Todorovic/shutterstock.com
หาดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว มีชายหาดเป็นแนวยาว หาดทรายขาวละเอียด และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำแบบไม่มีเหงา เช่น ว่ายน้ำ เจ็ตสกี และสปีดโบ๊ต เป็นต้น ยิ่งช่วงเทศกาลที่หาดป่าตองจะมีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวคนไหนที่ชอบบรรยากาศความคึกคัก พลาดไม่ได้เด็ดขาดกับหาดป่าตอง
6. เกาะไข่ จังหวัดภูเก็ต
ภาพจาก Korkusung/shutterstock.com
เกาะไข่ ประกอบด้วยเกาะไข่นุ้ย เกาะไข่นอก และเกาะไข่ใน ตั้งอยู่ในทะเลอันดามันช่วงระหว่างเกาะภูเก็ตและเกาะยาวใหญ่ ทั้ง 3 เกาะมีลักษณะเป็นเกาะเล็ก ๆ มีเพียงเนินทรายและโขดหินอยู่บนเกาะ สิ่งที่โดดเด่นของที่นี่ก็คือหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าสวยใสราวกับกระจก สามารถมองเห็นพื้นทะเลได้หลายเมตร บางจุดมีแนวปะการังสวย ๆ ให้ไปแหวกว่ายพร้อมกับปลาการ์ตูนด้วย
ในส่วนของเกาะไข่นุ้ยจะมีขนาดเล็กที่สุด มีหาดทรายเล็ก ๆ เท่านั้น โดยรอบจะเป็นแนวปะการัง นักดำน้ำชอบมาว่ายน้ำชมปะการังกันบริเวณนี้ ไม่อนุญาตให้ขึ้นฝั่ง ส่วนเกาะไข่นอกจะใหญ่ขึ้นมาอีกนิดหน่อย มีเก้าอี้ผ้าใบและร้านอาหารง่าย ๆ สุดท้ายคือเกาะไข่ใน อยู่ใกล้กับเกาะยาวใหญ่มากที่สุด เป็นเกาะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะที่สุด มีร้านอาหาร ห้องน้ำ และกิจกรรมชายหาดหลากหลายแบบ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวเกาะไข่จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายนของทุกปี การเดินทางไปยังเกาะไข่ที่ง่ายที่สุดคือการซื้อทัวร์แบบวันเดย์ทริป ซึ่งส่วนใหญ่จะพ่วงเกาะยาวใหญ่ เกาะพีพีเข้าไปด้วย หรือจะเช่าเหมาลำเรือสปีดโบ๊ตหรือเรือหางยาวไปเที่ยวเองก็ได้ แต่ราคาจะค่อนข้างสูงพอสมควร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต โทรศัพท์ 0 7621 1036
7. หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา
สวรรค์แห่งท้องทะเลสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการดำน้ำ ด้วยเพราะหมู่เกาะสิมิลันอุดมไปด้วยแหล่งปะการังน้ำลึกที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ถึง 9 เกาะ ได้แก่ เกาะเก้า (บางู), เกาะแปด (สิมิลัน), เกาะเจ็ด (หินกะโหลก-หินพุทรา), เกาะหก (ปายู), เกาะห้า, เกาะสี่ (เมี่ยง), เกาะสาม (ปายัน), เกาะสอง (ปายัง) และเกาะหนึ่ง นอกเหนือจากความสวยงามของแนวปะการังแล้ว หมู่เกาะสิมิลันยังมีผืนทรายที่ขาวเนียนตัดกับผืนน้ำสีครามสดใส ที่ใครมาแล้วเป็นต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
8. หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา
หมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือเกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลาง ธรรมชาติที่สวยงามของหมู่เกาะสุรินทร์เป็นที่ต้องตาต้องใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ งดงามด้วยแนวปะการัง น้ำทะเลสีฟ้าใส และสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด แถมแต่ละเกาะก็มีหาดสวย ล้อมรอบด้วยขุนเขาเขียวขจี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในหมู่เกาะสุรินทร์ ได้แก่ อ่าวไม้งาม, อ่าวช่องขาด, อ่าวสุเทพ, อ่าวจาก, เกาะตอรินลา (เกาะไข่) และอ่าวบอน เป็นต้น
9. เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล
10. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
11. เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
12. เกาะช้าง จังหวัดตราด
เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต พร้อมด้วยเกาะรายล้อมน้อยใหญ่กว่า 52 เกาะ บนเกาะช้างเรียกได้ว่ามีความสะดวกสบายพร้อมสรรพ ทั้งที่พัก ร้านอาหาร และจุดท่องเที่ยวกระจายอยู่รอบเกาะ หรือถ้าใครต้องการพักผ่อนชายหาดชิล ๆ ก็มีให้เลือกเที่ยวมากมาย เช่น หาดไก่แบ้, หาดคลองพร้าว, หาดทรายขาว และหาดท่าน้ำ เป็นต้น รวมถึงยังมีหมู่บ้านชาวประมง เยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่ายและเป็นกันเอง อีกหนึ่งเสน่ห์ของเกาะช้างที่คุณต้องมาสัมผัส
13. เกาะกูด จังหวัดตราด
ภาพจาก structuresxx/shutterstock.com
เกาะที่ได้รับการขนานนามให้เป็น "อันดามันแห่งทะเลตะวันออก" พลาดไม่ได้กับกิจกรรมดำน้ำชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลที่หมู่เกาะรัง ส่วนใหญ่โปรแกรมดำน้ำที่เกาะกูดมักเริ่มตั้งแต่เช้า ซึ่งหมู่เกาะรังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำมากที่สุด ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ล้อมรอบ พบกับแนวปะการังเขากวาง หญ้าทะเล และฝูงปลาหลากชนิด ที่แหวกว่ายไปมาอยู่รอบตัวคุณ รวมถึงยังมีน้ำตกใหญ่ ๆ หลายแห่ง เช่น น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกคลองยายกี๋ มีหาดสวย ๆ ป่าชายเลน และแนวปะการัง เป็นต้น
14. เกาะหมาก จังหวัดตราด
ตั้งอยู่ในท้องทะเลอ่าวไทย ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด เสน่ห์ของเกาะหมากอยู่ตรงที่บรรยากาศโดยรอบของที่นี่จะเงียบสงบมาก ไม่มีสถานบันเทิงหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่หวือหวา น้ำทะเลรอบเกาะสีฟ้าใส สามารถเล่นน้ำและดำน้ำชมปะการังได้อย่างจุใจ มีอ่าวและหาดทรายสวยงามหลายแห่ง เช่น อ่าวขาว, อ่าวสวนใหญ่, อ่าวนิด, อ่าวไผ่, อ่าวพระ, อ่าวตาล, อ่าวลม, อ่าวโปร่ง เป็นต้น ใครที่สัมผัสกับท้องทะเลเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน มาเที่ยวที่นี่ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศนั้นแบบเต็ม ๆ
15. เกาะมันนอก จังหวัดระยอง
เกาะมันนอก ตั้งอยู่ในเขตตำบลเกาะกร่ำ อำเภอแกลง ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเกาะส่วนตัวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมได้โดยการเข้าพักที่รีสอร์ตส่วนตัวบนเกาะ เกาะมันนอกมีเนื้อที่ไม่ใหญ่ ใช้เวลาเดินเที่ยวชมเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็รอบเกาะแล้ว แต่ที่นี่บรรยากาศสวยงาม และน่ามาทิ้งตัวนอนเล่นบนชายหาดในช่วงวันหยุดมาก ๆ เพราะหาดทรายขาวสะอาด บรรยากาศเงียบสงบ ท้องทะเลรอบ ๆ เกาะก็ยังงดงาม น้ำทะเลใส มีปะการังให้ได้ดำน้ำตื้นกันเบา ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ munnorkprivateisland.com
16. สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.khaokheow.zoothailand.org
17. หาดนางรำและหาดนางรอง จังหวัดชลบุรี
ภาพจาก Yellow Cat/shutterstock.com
มีลักษณะเป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องกัน หาดสวย น้ำใส โดย "หาดนางรำ" เป็นหาดที่คึกคักด้วยบรรยากาศของนักท่องเที่ยว ด้วยเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ห้องอาบน้ำ พร้อมด้วยกิจกรรมเล่นน้ำอีกเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ ระหว่างหาดนางรำและหาดนางรองมีรูปปั้นพระอภัยมณีและผีเสื้อสมุทร สามารถเดินทะลุระหว่าง 2 หาดได้ ขณะที่ "หาดนางรอง" ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นชายหาดที่อยู่ติดกัน แต่บรรยากาศค่อนข้างแตกต่างกัน ทั้งด้านความร่มรื่น ความเป็นธรรมชาติ และความเป็นส่วนตัว อยู่ที่ว่านักท่องเที่ยวชอบสไตล์แบบไหนก็เลือกไปชิลที่หาดนั้นได้เลย
18. หาดบางเสร่ จังหวัดชลบุรี
ชายหาดที่กำลังเป็นที่นิยมของสัตหีบ ที่นี่คุณจะได้พบกับความสงบ ด้วยเพราะหาดบางเสร่ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีที่พักและรีสอร์ตไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมหมู่บ้านบางเสร่ แล้วแวะกินอาหารทะเลสด ๆ ซึ่งทุกวันจะมีเรือประมงมาเทียบท่า นำกุ้ง หอย ปู ปลามาให้พ่อค้าแม่ค้าได้ซื้อหาทุกวัน จึงรับประกันความสดใหม่ได้เลย
19. ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค จังหวัดชลบุรี
20. สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี
ภาพจาก NorGal/shutterstock.com
หนึ่งในสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของสัตหีบ ภายในประกอบด้วยบ้านทรงไทย สวนดอกไม้ ไม้ประดับนานาชนิด มาเที่ยวที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับสีสันของธรรมชาติ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้รองรับนักท่องเที่ยว ทั้งการบริการเรือชนิดต่าง ๆ ให้เช่าพาย เยี่ยมชมความน่ารักของสัตว์เลี้ยง ชมศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม การฟ้อนรำพื้นบ้าน การแสดงช้าง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้รู้สึกประทับใจเมื่อมาเที่ยวชมความงดงามทั้งหมดของสวนแห่งนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ nongnoochtropicalgarden.com หรือโทรศัพท์ 038 238 061-63, 087 488 0028, 061 647 7088
21. ฮิโนกิแลนด์
เปิดตัวในปี 2561 แต่ความปังดูเหมือนจะฉุดไม่อยู่ สำหรับฮิโนกิแลนด์ (Hinoki land) อาณาจักรไม้ฮิโนกิแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ ภายในพื้นที่กว่า 83 ไร่ ได้รับการออกแบบให้กลายเป็นเมืองจำลองแบบญี่ปุ่นขนานแท้ ประดับประดาด้วยโคมแดงขนาดยักษ์ โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ปราสาทฮิโนกิ สร้างจากไม้หอมทั้งหลัง ขนาดสูงกว่า 4 ชั้น ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศสวย ๆ ของภูเขาและธรรมชาติ ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเดินเพลินจนลืมเวลา แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ แทบจะทุกตารางพื้นที่ เดินเที่ยวเล่นได้ไม่มีเบื่อ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก BannmaihomHinoki บ้านไม้หอมฮิโนกิ
22. อุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก
23. ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์
สำหรับศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นโครงการเพื่อการวิจัยและเพาะพันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ภายในล้อมรอบด้วยภูมิทัศน์ความสวยงามของสวนดอกไม้และพรรณไม้ชนิดต่าง ๆ
24. ตลาดน้ำสะพานโค้ง จังหวัดสุพรรณบุรี
ที่เที่ยวเปิดใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ใกล้กับวัดทองประดิษฐ์ อำเภอสองพี่น้อง เสน่ห์และความน่าสนใจของตลาดแห่งนี้ อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้เดินเลือกซื้อของบนสะพานไม้ไผ่ และสองฝั่งของสะพานไม้ไผ่ ขนาบด้วยร้านค้าพ่อค้าแม่ค้าพายเรือมาขาย พร้อมส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้คุณได้หยุดแวะดูสินค้าที่อยู่ตรงหน้า และถัดมาไม่ไกล จะมองเห็นสุ่มปลายักษ์ อีกหนึ่งที่เที่ยวเช็กอินเด็ด เหมาะสำหรับการถ่ายรูปสวย ๆ ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว
25. สระมรกต ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย
26. ทุ่งทานตะวันไร่มณีศร จังหวัดนครราชสีมา
ปีใหม่ชวนไปเขาใหญ่ ถ่ายรูปสวย ๆ ที่ทุ่งทานตะวันกว้างใหญ่ไพศาล ณ ไร่มณีศร ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง ซึ่งจะบานสะพรั่งเต็มพื้นที่กว่า 500 ไร่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกทานตะวันสีเหลืองสดใส รายล้อมไปด้วยหุบเขาน้อยใหญ่ บรรยากาศดีต่อใจ มีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ ติดตามการบานของทุ่งทานตะวันได้ที่ เฟซบุ๊ก ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่
27. จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2561 จังหวัดนครราชสีมา
ภาพจาก mikumistock/shutterstock.com
เส้นทางดอกไม้หน้าหนาวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของไทย ก็ต้องที่จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย ในทุก ๆ ช่วงหน้าหนาวจะมีการจัดงานเปิดฟาร์มทัวร์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามของฟาร์มแห่งนี้ มีทั้งทุ่งคอสมอสสีชมพูหวานกว้างใหญ่ ทุ่งทานตะวัน ทุ่งฟักทอง และทุ่งดอกไม้อื่น ๆ อีกหลากหลายสายพันธุ์และสีสัน พร้อมทั้งมีหมู่บ้านอีสาน ซึ่งจัดแสดงบ้านอีสานเก่าแก่และวิธีการทอผ้าไหมตามแบบดั้งเดิมให้ชมกันด้วย
สำหรับจิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2561 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม 2561 - 6 มกราคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2561 "แซ่บนัว หัวม่วน" อีสาน โอชา วันที่ 8 ธ.ค. 61 - 6 ม.ค. 62
28. เชียงคาน จังหวัดเลย
ภาพจาก Kornfoto.com/shutterstock.com
เมืองท่องเที่ยวริมฝั่งโขงที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังคงมีเสน่ห์ล้นเหลือ ด้วยชุมชนเล็ก ๆ สุดน่ารักที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านเรือนไม้เก่าแก่ยังคงตั้งเรียงรายอย่างสง่างาม ในตอนเช้าของทุกวันเราจะได้เห็นภาพของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ขึ้นทางฝั่งประเทศลาว ส่องสะท้อนลำน้ำโขงให้เป็นสีส้มอ่อน ๆ สวยงามจับตา ชาวบ้านก็จะออกมาใส่บาตรข้าวเหนียวพระสงฆ์ ส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กับผู้มาเยือน มีเสียงสวดมนต์เบา ๆ ลอยข้ามฝั่งมาจากประเทศลาว พร้อมกับกลิ่นข้าวจี่ย่าง หมูย่าง และอาหารพื้นเมืองหอม ๆ ยั่วน้ำย่อยยามเช้า ช่วงเย็นก็จะคึกคักไปด้วยบ้านต่าง ๆ ที่เปิดเป็นร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร บรรยากาศสุดชิล เที่ยวแป๊บเดียว แต่จะหลงรักไปอีกนาน
29. เนินช้างศึก จังหวัดกาญจนบุรี
กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ เนินช้างศึก ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวเขาน้อยใหญ่ในตำบลปิล๊อก พร้อมทั้งทางฝั่งประเทศเมียนมาได้อย่างสวยงามสุด ๆ เช้าก็ชมทะเลหมอกได้ เย็นก็มีพระอาทิตย์ตกดิน ยิ่งถ้าวันไหนท้องฟ้าเปิด ก็จะมองเห็นท้องทะเลอันดามันทางฝั่งประเทศเมียนมาได้เลยล่ะ อากาศก็เย็นสบายตลอดทั้งปี มีลานกางเต็นท์ไว้บริการ
30. บ้านสะปัน บ่อเกลือ จังหวัดน่าน
31. ตลาดโบราณ 100 ปี เสาไห้ จังหวัดสระบุรี
ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ สไตล์ชิค ๆ ขอแนะนำให้ลองไปเที่ยวชม ตลาดโบราณ 100 ปี เสาไห้ กันค่ะ เป็นตลาดเก่าแก่ริมแม่น้ำป่าสักที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ ด้วยบ้านเรือนแถวไม้โบราณอายุมากกว่า 100 ปี ภายในตลาดมีร้านค้าสุดคลาสสิกมากมาย และยังมีร้านอาหารอร่อยไว้รอเพียบ โดยเฉพาะร้านเกี๊ยวกรอบ กรอบทุกคำ อร่อยทุกชิ้น ต้องมาลิ้มลองกันให้ได้
32. ตลาด 100 ปี หลังวัดโรมัน จังหวัดจันทบุรี
33. ไร่ชาฉุยฟง จังหวัดเชียงราย
34. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จังหวัดน่าน
ปีใหม่นี้พลาดไม่ได้กับการชมทะเลหมอกที่อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน มีภูเขาสลับซับซ้อน ดอยที่สูงที่สุดคือ ดอยภูคา มีความสูง 1,726 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สำหรับสิ่งที่น่าสนใจ เช่น ดอยแม่จอก เป็นยอดดอยที่มีความสูง 1,424 เมตร อากาศหนาวเย็นตลอดปี สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน ในช่วงหน้าหนาวก็จะได้ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสวย ๆ มีลานกางเต็นท์ไว้บริการ
ยอดดอยภูคา เป็นยอดดอยที่สูงที่สุด สูงราว ๆ 1,726 เมตร สามารถเดินศึกษาธรรมชาติตามระยะทางไปสู่ยอดดอยภูคา ที่บนยอดดอยสามารถชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ อากาศหนาวเย็นและสดชื่นตลอดทั้งปี และดอยกู่สถาน (ดอยธง) มีความสูง 1,630 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินขึ้นไปยังยอดดอย ระหว่างทางจะพบทุ่งหญ้าสลับกับป่าดิบเขา กล้วยไม้ และเฟิร์นออสมันด้า บนยอดดอยสามารถชมวิวได้ 360 องศา เป็นต้น
35. ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม มีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม โดยมี "ตาน้ำ" เป็นหัวใจหลักของป่าต้นน้ำแห่งนี้ น้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินนั้นไหลลอดใต้ภูเขาผ่านออกมายังจุดที่เรียกว่าตาน้ำ ซึ่งเป็นน้ำที่ใสบริสุทธิ์และชาวบ้านก็เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำและพายเรือ เพื่อชื่นชมความสวยงามของป่าพรุ ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวเองก็ควรที่จะปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เอาไว้
36. สระมรกต จังหวัดกระบี่
อันซีนไทยแลนด์ที่ได้รับความนิยมเสมอ ตั้งอยู่บริเวณป่าทุ่งเตียว อำเภอคลองท่อม สำหรับ “สระมรกต” สระน้ำธรรมชาติที่มีสีเขียวเหมือนมรกตขนาดใหญ่ ความใสทำให้มองเห็นพื้นหินข้างล่างได้ชัดเจน ซึ่งสระน้ำสีเขียวมรกตเป็นน้ำกระด้าง ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชและปลา จึงไม่มีสัตว์น้ำและพืชน้ำในสระเลย บริเวณรอบ ๆ สระมรกตยังมีศาลาให้นั่งพักผ่อน ชมทิวทัศน์รวมถึงสะพานไม้ที่เชื่อมออกจากป่าสู่ศาลาริมน้ำ ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินกับการว่ายน้ำเล่น ในบรรยากาศแสนร่มรื่น พักผ่อนหย่อนใจริมสระ หรือจะไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ก็ทำได้ตามอัธยาศัย
37. ทะเลสาบทุ่งกุลา จังหวัดสุรินทร์
ทะเลสาบทุ่งกุลา ตั้งอยู่ที่ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนคลายร้อนยอดนิยมของชาวสุรินทร์และนักท่องเที่ยวในพื้นที่อีสานใต้ โดยมีแพไม้ไผ่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปนั่งชมวิวชิล ๆ ใครอยากเล่นน้ำเย็นฉ่ำใสแจ๋วกลางทะเลสาบ เจ้าหน้าที่ก็ยินดีลากแพไปให้กระโดดน้ำกันอย่างเมามัน นอกจากนี้ยังมีห่วงยาง เรือเป็ดให้บริการ พร้อมทั้งร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายแบบให้ได้กินเพลิน ๆ กันด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก ทะเลสาบทุ่งกุลา บ้านโพนม่วง - ม่วงสวรรค์ ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จสุรินทร์
38. สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ภาพจาก sarayuth3390 / Shutterstock.com
ในยามที่ลมหนาวเข้ามาทักทายอำเภอสวนผึ้ง เป็นเหมือนอัญมณีที่เปล่งประกายท่ามกลางหมอกขาวและผืนป่าสีเขียว ในความเป็นจริงแล้วสวนผึ้งสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูหนาวจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติ ดินแดนแห่งหุบเขาและทุ่งหญ้า พร้อมด้วยการพักผ่อนแบบชิล ๆ แถมยังใช้เวลาเดินทางไม่นานเพียง 2 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ นอกจากอากาศที่เย็นสบายด้วยภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยหุบเขาแล้ว ที่สวนผึ้งยังครบครันทั้งเรื่องที่พักและร้านอาหารอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในสวนผึ้งและใกล้เคียง เช่น ธารน้ำร้อนบ่อคลึง, เขากระโจม, ห้วยคอกหมู, The Scenery Resort & Farm, บ้านเทียนหอม, Alpacahill, New Land เป็นต้น
39. ทุ่งกังหันลมเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
40. ภูลังกา จังหวัดพะเยา
วนอุทยานภูลังกา ตั้งอยู่ที่ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา เป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย นักท่องเที่ยวจะได้ชมหมอกมากมายลอยละล่องคลอเคลียกับยอดเขาหินปูนน้อยใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ อากาศสดชื่นและเย็นสบาย เที่ยวชมกันได้แบบชิล ๆ ไม่ต้องแย่งกับนักท่องเที่ยวเหมือนในช่วงหน้าหนาว ที่พักบางแห่งยังปรับลดราคาอีกด้วย
41. กิ่วฝิ่น จังหวัดลำปาง
กิ่วฝิ่น หรือดอยล้าน ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จซ.7 ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง มีความสูง 1,517 เมตร ที่นี่จึงเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในจังหวัดลำปางเลยทีเดียว ยามค่ำคืนตรงจุดชมวิวกิ่วฝิ่นนี้จะสามารถมองเห็นแสงไฟได้ถึง 4 จังหวัด คือลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ และเชียงราย อีกทั้งยังสามารถมองเห็นดาวบนท้องฟ้าได้อย่างอลังการอีกด้วย
นอกจากนี้กิ่วฝิ่นยังเป็นจุดรอยต่อของจังหวัดลำปาง และอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่ใกล้เคียงมาก ๆ นั่นก็คือ หมู่บ้านแม่กำปอง สำหรับที่พักกิ่วฝิ่นนั้น บนดอยกิ่วฝิ่นจะไม่มีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยว แต่ก็สามารถที่จะมากางเต็นท์ได้ ติดต่อการจองเต็นท์ได้เลยที่เจ้าหน้าที่ หรือจะลงไปนอนโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านแม่กำปองก็ได้เช่นกัน
42. ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ
43. จุดชมวิวหินช้างสี จังหวัดขอนแก่น
ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ นพ. 3 หินช้างสี เขตอุทยานแห่งชาติน้ำพอง บริเวณรอยต่อของอำเภอบ้านฝางและอำเภออุบลรัตน์ เป็นจุดชมวิวที่อยู่บนหน้าผาสูง สามารถมองเห็นวิวของเขื่อนอุบลรัตน์ได้แบบสวยสะกดใจ มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งเป็นผืนป่าที่อยู่รอบ ๆ พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านและหมู่บ้านที่อยู่ริมเขื่อน เป็นภาพที่สวยงามและหาชมได้ยากยิ่ง
44. ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย
ยอดเขาสูงที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมทะเลหมอกเหนือริมน้ำโขงสองฝั่งไทย-ลาว ในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจะได้เห็นคลื่นหมอกกระทบกับภูเขาสองฝั่ง ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยสดงดงาม โดยจุดเด่นของภูห้วยอีสันอยู่ที่นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ดังนั้นคุณจึงมีเวลาตักตวงความสุขจากธรรมชาติได้แบบเต็มที่ นักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปยังภูห้วยอีสัน จะต้องนั่งรถของชาวบ้านขึ้นไป โดยผ่านการประสานงานและอำนวยความสะดวกจาก อบต.บ้านม่วง อำเภอสังคม ใครอยากหาจุดชมทะเลหมอกวิวสวย คนไม่เยอะ มาที่นี่ไม่ผิดหวัง
45. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จังหวัดอุบลราชธานี
46. บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร
ตั้งอยู่ริมหนองหาร เป็นหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศ ทั้งยังเป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 100 ปี กิจกรรมท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวที่นี่ เห็นจะเป็นการชมความสวยงามของบ้านโบราณทรงยุโรป และในทุกวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี จะมีการจัด "เทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส" โดยชาวบ้านจะตกแต่งโคมไฟรูปดาวไว้ที่หน้าบ้าน จากนั้นเป็นการเฉลิมฉลองในหมู่ชาวคริสต์ เป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยความสุขแทบจะในทุกพื้นที่ของบ้านท่าแร่
47. พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จังหวัดยโสธร
ภาพจาก Akarat Phasura/Shutterstock.com
พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของยโสธรและภาคอีสาน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทวน มีลักษณะโดดเด่นสุด ๆ ด้วยตัวตึกคางคกสูงเท่าตึก 5 ชั้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์รูปร่างสุดแปลกในประเทศไทยที่สอดแทรกตำนานเกี่ยวกับพญาคางคกและบั้งไฟ ที่เป็นเรื่องเล่าตำนานพื้นเมืองของชาวอีสาน แถมยังสอดแทรกเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์และความหลากหลายทางชีวภาพ ภายในมีนิทรรศการบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่มาของบั้งไฟโดยมีการจัดฉายเป็นภาพยนตร์ 4 มิติ และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในเมืองไทย ที่มีอยู่กว่า 20 ชนิด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่รวบรวมของดีทางด้านเกษตรกรรมของเมืองยโสธรไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอื่น ๆ เกี่ยวกับจังหวัดยโสธรเอาไว้ด้วย
48. สะพานไม้แกดำ จังหวัดมหาสารคาม
สะพานไม้แกดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลแกดำ อำเภอแกดำ เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นทอดข้ามพาดผ่านลำห้วยหนองแกดำ เพื่อเชื่อมต่อระหว่างวัดดาวดึงษ์แกดำ บ้านแกดำ และวัดบูรพาวนาราม บ้านหัวขัว มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ในช่วงน้ำลดภายในทุ่งจะเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว มีต้นบัวแดงแซมอยู่เป็นระยะ บรรยากาศเงียบสงบและสวยงามมาก
49. พระมหาธาตุแก่นนคร จังหวัดขอนแก่น
พระมหาธาตุแก่นนคร หรือวัดหนองแวง เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชาวจังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่บริเวณริมบึงแก่นนคร อำเภอเมืองขอนแก่น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของพระมหาธาตุแก่นนคร ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กก่ออิฐถือปูนเรือนยอดทรงเจดีย์ มีทั้งหมด 9 ชั้น ซึ่งภายในเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรวบรวมคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา มีการแกะสลักภาพชาดก ภาพพุทธประวัติ ภาพประจำวัน ภาพแกะสลักรูปพรหม 16 ชั้น ภาพในพิธีการต่าง ๆ ไว้บริเวณบานประตูและหน้าต่างของแต่ละชั้น ฝาผนังทั้ง 4 ด้านจะมีภาพประวัติของเมืองขอนแก่น และบริเวณชั้นที่ 9 ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองขอนแก่นได้ไกลสุดลูกหูลูกตาอีกด้วย
50. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ จังหวัดมุกดาหาร
วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมือง เป็นที่ประดิษฐานของ "พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์" พระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทจำลอง พระธาตุภูมโนรมย์ทรง 8 เหลี่ยม และพระพุทธรูปอังคารเพ็ญที่เก่าแก่ ที่นี่เป็นอีกจุดชมวิวเมืองที่ไม่น่าพลาดโดยเฉพาะยามเย็นจะมองเห็นสะพานข้ามมิตรภาพไทย-ลาว หอแก้วมุกดาหาร และสายน้ำโขงในอีกมุมมองหนึ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ฝากติดตามคลิ้ปจากช่อง YOUTUBE แล้วเจอกันปีใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น